วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การยึดครองเพื่อสันติและเสรีภาพของชาวปาตานี

อุทกภัยเป็นเหมือนการทดสอบความอดทนและความแข็งแกร่งทางใจของเราผู้ศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า ท่านศาสดา ซึ่งช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากเหล่านั้นได้ผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว คงไว้แต่ใจอันเข้มแข็งของเราชาวมุสลิมในผืนแผ่นดินไทยอันสงบร่มเย็นที่มีพระมหากษัตริย์ไทยและประชาชนคนไทยผู้มีเมตตา ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยซึ่งน่าจะเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นเอง

พวกเราไม่คิดว่าจะมีการต่อต้านอิสลามในประเทศไทยเพียงเพราะเนื้อหาของเพลงบางตอนของนักร้องวงใด ๆ เพราะเราไม่เคยสนใจฟังบทเพลงเพื่อความบันเทิงนอกจากการตั้งใจมุ่งมั่นศึกษาอัลกุรอานและทำมาหากินเลี้ยงชีพให้อยู่รอดตามสภาพเศรษฐกิจพอเพียง และให้ความช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมที่ยากไร้ตามกำลังสามารถ

อิสลามสอนให้เรารักที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ดังนั้นเราจึงภูมิใจที่มีคนมุสลิมเป็นคนใหญ่คนโตอยู่ในประเทศไทย พวกท่านต่างทำหน้าที่เป็นผู้แทนของชาวมุสลิมเพื่อรักษาความชอบธรรมและความสงบสุขในประเทศ และประเทศไทยได้เสรีภาพแก่คนทุกเชื้อชาติและทุกศาสนา มีกระบวนการยุติธรรมที่พึ่งพาได้ดังเช่น กรณีการตัดสินคดีความมั่นคงเมื่อ 8 ธ.ค.54 ที่ศาลจังหวัดปัตตานีพิพากษาให้ นายสุกรี อาดำ กับ นายอาหามัดซากี กียะ พ้นผิดโดยการยกฟ้อง ในคดีฆ่าตัดคอ นายจวน ทองประคำ ชาวบ้านไทยพุทธ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เหตุเกิดเมื่อ 8 ก.พ.2550 นอกจากนี้เรายังมีองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศเป็นพลังเรียกร้องความเป็นธรรมแก่ชาวปาตานีอย่างทั่วถึง

การต่อสู้เพื่อต่อต้านการยึดครองเป็นเพียงแนวคิดของกลุ่มคนบางกลุ่มที่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของคนมุสลิมในไทยเท่านั้น ไม่สามารถเป็นกลุ่มตัวแทนความคิดของมุสลิมส่วนใหญ่ในสังคมไทยได้ เพราะหากแทนความหมายของคำว่า “ยึดครอง” เพื่อให้เราได้อยู่อย่างสันติและมีเสรีภาพเราขอยอมรับ ดังนั้นขอให้นักต่อสู้ผู้แข็งแรงทุกท่านสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มพวกท่านก่อน จากนั้นค่อยสร้างความแข็งแกร่งตามคำสอนของอิสลามด้วยการแบ่งปันความสุขอันยั่งยืนให้แก่พี่น้องมุสลิมในปาตานีตามวิถีแห่งสันติก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายและสายเกินแก้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น