วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555

หายนะและตราบาปแห่งปัตตานี

โอ้ พี่น้องมุสลิมทั้งหลาย พวกเราคือพี่น้องกันจึงต้องว่ากล่าวและตักเตือนกัน ขณะนี้มีผู้อ้างว่าเป็นมุสลิมแต่พยายามทำตัวให้น่ารังเกียจในเหล่าชาวมุสลิม ทำให้ภาพลักษณ์ของมุสลิมและความปลอดภัยของชาวมลายูปาตานีมีความสั่นคลอน พวกเขาใช้กำลังประทุษร้าย ก่อความรุนแรง ต่อชุมชนมุสลิมซึ่งเป็นพี่น้องกันเอง โดยอ้างว่าเป็นการกระทำที่เสียสละเพื่อนำเสรีภาพมาสู่ดินแดนของตน ทั้งที่ทุกวันนี้พวกเราต่างใช้ชีวิตทำมาหากินในดินแดนแห่งนี้อย่างเสรีอยู่แล้ว

พวกเราชาวมุสลิม เหนื่อยกับการกระทำของคนกลุ่มนี้ จึงอยากจะตักเตือนและให้ข้อคิด ว่าสิ่งที่พวกเขากระทำนั้น ไม่ใช่ความต้องการของคนส่วนใหญ่ และสิ่งที่ชุมชนมุสลิมส่วนใหญ่ต้องการคือความอยู่ดีกินดี สงบ สันติ การปกครองกันเอง โดยไม่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งแยกดินแดนเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

เรารู้สึกหวั่นใจ หากมีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน อย่างที่คนเหล่านั้นหาเรื่องมาเพื่อสร้างความวุ่นวายอีก เรากลัวว่า ยกเลิกไปแล้ว ใครจะดูแลความปลอดภัยของพี่น้องทั้งหลาย ถ้ายกเลิก พรก.จะเกิดความวุ่นวายอะไรขึ้นอีกบ้าง?????
อย่างน้อย พรก.ฉุกเฉิน ยังมีประโยชน์เพื่อให้ชาวบ้านพี่น้องมุสลิมใช้ชีวิตอย่างปกติที่สุด ปลอดภัยจากความรุนแรงที่ควบคุมไม่ได้และไม่ปกติ พวกเราชาวบ้านธรรมดาผู้รักความสงบ สันติ จะไปหาอาวุธที่ไหนมาป้องกันตนเองเล่า นอกจากการตักเตือนฉันท์พี่น้อง แต่หากตักเตือนกันแล้วยังไม่ปลอดภัยในชีวิต จงมั่นใจเถิดว่าเจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้น ที่มีอาวุธสามารถรับมือการกระทำรุนแรงและโหดร้ายของพวกโจรได้

พวกเราเป็นเพียงชาวบ้านในดินแดนมลายูปาตานี ที่ต้องการความสงบ ปลอดภัย เราต้องการให้กลุ่มโจรเหล่านั้น ยุติการกระทำที่โหดร้ายต่อผู้บริสุทธิ์ เราต้องการให้ผู้กระทำผิด และผู้ปลุกปั่นยุยงให้เกิดความเข้าใจผิดในเหล่ามุสลิมถูกลงโทษ ซึ่ง พรก.ฉุกเฉิน มีประโยชน์ตรงที่สามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้ทันที ส่วนผู้ต้องสงสัยหรือไม่ผิดจะถูกปล่อยตัว หากผู้ใดจากคนกลุ่มใดกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการตัดสินโดยศาลของรัฐไทย ขอให้ลองย้อนกลับไปดูการตัดสินคดีความมั่นคงเมื่อ 8 ธ.ค.54 ที่ศาลจังหวัดปัตตานีพิพากษาให้ นายสุกรี อาดำ กับ นายอาหามัดซากี กียะ พ้นผิดโดยการยกฟ้อง ในคดีฆ่าตัดคอ นายจวน ทองประคำ ชาวบ้านไทยพุทธ ตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2550 นอกจากนี้ ยังมีองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศเป็นพลังเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพวกเราชาวมลายูปาตานีอีกทางหนึ่งด้วยแล้ว

กระบวนการยุติธรรมของคนส่วนใหญ่ คือสิ่งที่พวกเราชาวมุสลิมต้องยอมรับ มิใช่ต่อต้าน ในเมื่อความยุติธรรมยังคงมีอยู่ ถ้าใครเห็นว่าไม่เป็นธรรมก็ฟ้องดำเนินคดีตามหลักเกณฑ์ของศาลได้ แต่การใช้สื่อและลงข้อมูลเท็จบ้างจริงบ้างทำให้คนอื่นหลงเชื่อ เพียงหวังผลในการต่อต้าน พรก. เพื่อให้สามารถใช้ความรุนแรงได้สะดวกแบบนี้ โอ้ พี่น้องทั้งหลาย พวกท่านรู้หรือไม่ มีการนำเด็กมาทำสัญลักษณ์มือชูนิ้วโป้ง เพื่อสื่อความหมายบางอย่าง ทั้งที่ไม่รู้ว่าเด็กรู้ความหมายที่ทำหรือไม่ แบบนี้เข้าข่ายไร้จริยธรรม สร้างความเสื่อมเสียให้กับพวกเรามุสลิมส่วนใหญ่

ข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้น ทั้งการซ้อมทรมานพี่น้องของเรา จริงๆ แล้วพบน้อยมาก เป็นเฉพาะบางกรณีเท่านั้น ซึ่งทุกคดีถูกตัดสินอยู่ในชั้นศาล หากอ้างว่ามีทุกกรณีช่วยชี้แจ้งผู้ต้องหาที่ชัดเจนไม่ใช่แค่กล่าวอ้างด้วย การเขียนบทสัมภาษณ์อย่างเลื่อนลอย ไม่มีตัวตนที่ชัดเจนแบบนั้น

โอ้ พี่น้องเอ๋ย เราชาวมุสลิม ไม่นิยมความรุนแรง ไม่อยากเห็นความสูญเสียอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน ชาวมลายูปาตานี หรือความสูญเสียของ จนท.รัฐไทย ในพื้นที่ และ ผู้เป็นอาสาสมัคร มันทรมานจิตใจ และหดหู่เหลือเกิน ที่ได้ฟัง ได้ยินข่าว โดยยังไม่สามารถหาคนรับผิดชอบต่อกรณีเหล่านี้ได้ ขออัลเลาะห์เมตตาชี้ทางสว่างคนเหล่านั้นที่ก่อความรุนแรง ให้ยุติการกระทำเสียเถิด ขอความสงบจงกลับคืนสู่ดินแดนมลายูปาตานีโดยเร็ว
อัลลาฮูอัคบาร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น